กว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับลมหนาวทั้งทีทุกท่านคงจะอยู่เฉยไม่ได้
ต้องหาสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับลมหนาวในช่วงใกล้สิ้นปี
ผู้เขียนเลยอยากจะมาแนะนำตัวเลือกสำหรับการไปพักผ่อนในช่วงฤดูหนาว อย่าง “เขาใหญ่”
หรือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติที่แรกของประเทศไทย ในวันที่ 18 กันยายน
พ.ศ.2505 บนพื้นที่มากกว่า 2,168
ตารางกิโลเมตร กินพื้นที่กว้างขวางถึง 4 จังหวัด ใน 11 อำเภอ
พร้อมธรรมชาติพื้นไม้นานาชนิด พร้อมด้วยสัตว์อย่าง นก , เสือ ,
ช้าง , กระทิง ,
เก้ง และ กวาง พร้อมสัตว์อีกมากมายที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างเข้ามาชมความอุดมสมบูรณ์
โดยภายในเขาใหญ่มีขุนเขาและน้ำตกรวมกันอยู่อย่างมากมายหลายแห่ง
เหมาะสำหรับให้ผู้มาเยือนรับชมความงามกันอย่างหลากหลาย จนได้รับการขนานนามว่า “อุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน” กันเลยทีเดียว ...
หากถามถึงผู้เขียนแล้ว
หน้าร้อนแน่นอนว่าต้องลุยทะเลกับชายหาดร้อนๆ แสบไปถึงผิว แล้วสำหรับหน้าหนาวละ ? แน่นอนว่าจะต้องเป็นแม่น้ำภูเขาลำธาร
ขึ้นไปเพื่อรับลมหนาวกับอากาศดีๆ หรือนั่งชมทะเลหมอกบนยอดภูเขาเป็นต้น
แค่คิดเท่านี้ก็อยากแพ็คกระเป๋าเดินทางกันแล้วใช่ไหมละ ดังนั้นผู้เขียนจึงไม่รอช้าหน้าหนาวเลยรีบมาแนะนำทุกท่านทันที
หากพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยดีกว่า ...
ต้องบอกการว่าแม้เขาใหญ่จะเป็นเขาในเขตร้อน
แต่ไม่ได้มีอากาศร้อนเลยสักนิดเดียวด้วยลมมรสุมที่พัดเข้ามา ทำให้เขาใหญ่มีฝนตกชุกตลอดปีทำให้มีสภาพป่ารกทึบร่มเย็น
ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไปโดยอุณหภูมิเฉลี่ยตกอยู่ที่ 23 องศาเซลเซียส
อากาศหนาวจัดจะอยู่ในช่วงปลายปีอย่าง ตุลาคม ไปจนถึงต้นปีหน้าในเดือน กุมภาพันธ์
หากใครที่เดินทางไปเที่ยวในช่วงปีใหม่ก็จะเจอนักท่องเที่ยวหนาตาเป็นพิเศษ
โดยสถานที่ท่องเที่ยวบนเขาใหญ่มีมากมายเหลือเกิน
อาทิ น้ำตกสาลิกา , น้ำตกเหวนรก , น้ำตกผากล้วยไม้ , น้ำตกเหวสุวัต
และอีกมามายกว่า 20 แห่ง
พร้อมกันนี้ยังมีเขามากมายหลายลูกที่รอต้อนรับนักเดินทางอย่าง
เขาร่ม , เขาแหลม ,
เขาเขียว , เขาสามยอด ,
เขาฟ้าผ่า , เขากำแพง , เขาแก้ว
สุดท้าย เขาสมอปูน เรียกได้ว่าเที่ยววันเดียวไม่มีหมดแน่นอน
จุดชมทิวทัศน์เขาเขียว
ด้วยมีพื้นที่ที่กว้างขวางทางอุทยานจึงสร้างจุดชมวิว
ที่สามารถมองเห็นวิวพื้นที่กว้างใหญ่ มองเห็นเขาร่มเป็นแนวยาว อีกทั้งยังสามารถรับชมพระอาทิตย์ยามเช้าได้อย่างชัดเจน
ทั้งยังมองเห็นตัวจังหวัดของปราจีนบุรีอีกด้วย
สามารถชมสัตว์ป่าหายากตามจุดหอดูสัตว์
หากใครที่อยากเห็นสัตว์ป่าตัวเป็นๆ
ตามธรรมชาติอย่าง กวาง , โขลงช้างป่า
หรือโชคดีหน่อยอาจจะได้ชมฝูงกระทิงลงมาจากเขาเพื่อกินดินโป่งได้อีกด้วย โดยผู้เขียนแนะนำให้ไป
หอดูสัตว์คลองปลากั้ง เพราะมีโอกาสเห็นฝูงกระทิงมากที่สุด โดยหอดูสัตว์มีด้วยกัน 3 แห่ง คือ
1.หอดูสัตว์คลองปลากั้ง
2.หอดูสัตว์มอสิงโต
3.หอดูสัตว์หนองผักชี
ภายในเขาใหญ่นั้นเพียบพร้อมไปด้วยสัตว์ป่ามากสายพันธุ์
แบ่งเป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 67 ชนิด นกมีมากกว่า 250 ชนิด , พืชพรรณ 3,000
ชนิด และแมลงมากถึง 5,000 ชนิด
หรือนักท่องเที่ยวอาจจะพบกับฝูงสัตว์ระหว่างขับรถไปตามท่องถนนแล้วมองลงมาจากริมทางก็ยังได้
โดยส่วนมากจะได้เจอกับฝูงช้างที่ออกมาหากินอาหาร
หากโชคดีอาจจะพบเจอได้ตามริมถนนเลยทีเดียว เรียกได้ว่าใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างสุดๆ
สามารถค้างคืนบนเขาใหญ่ได้
พร้อมอุปกรณ์ให้เช่าครบครัน
ใครที่ต้องการจะนอนค้างคืนหรือพักผ่อนไปกับธรรมชาติในช่วงกลางคืน
ก็สามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นกางเต็นท์นอน
เจ้าหน้าที่ก็มีจุดกางเต็นท์ 2 จุดหลักๆ ก็คือ ผากล้วยไม้และลำตะคอง หากใครไม่ได้นำเครื่องมืออุปกรณ์มาก็สามารถเช่ากับทางเจ้าหน้าที่ได้ในราคาไม่แพง
รวมถึงหากใครที่มาเป็นกลุ่มคณะทางอุทยานก็ได้มีค่ายพักแรมรองรับถึง 3 จุด
ค่ายกองแก้ว ค่ายสุรัสวดี ค่ายเยาวชน
สุดท้ายหากใครมาเป็นครอบครัวใหญ่เจ้าหน้าที่ก็ยังมีบริการให้เช่าบ้านพักในบริเวณทำการอุทยานและบ้านธนะรัชต์นั้นเอง
ผู้เขียนขอให้ผู้อ่านทุกคนที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนในช่วงอากาศหนาวๆ ... ก็ขอให้สนุกไปกับการท่องเที่ยวและการเดินทางอย่างเต็มที่ เที่ยวเมืองไทย สวยไม่แพ้ใครในโลก ...
สุดท้ายนี้ผู้เขียนอยากจะฝากถึงนักท่องเที่ยวทุกคนว่า การท่องเที่ยวบนแห่งธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสัตว์นานาชนิด ควรที่จะช่วยกันรักษาชีวิตเพื่อนมนุษย์และอนุรักษ์พื้นป่า เช่น ไม่ควรขับรถเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้ชนสัตว์ป่า , ทิ้งขยะเป็นที่เป็นทางช่วยรักษาความสะอาด , ไม่ควรรบกวนสัตว์ป่าตามธรรมชาติ เพียงเท่านี้ผู้เขียนก็เชื่อว่าจะช่วยให้แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติของเราคงอยู่ไปอีกนานเท่านาน ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น